นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยผลการบูรณาการปราบปรามแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายของชุดปฏิบัติการ 113 ทีม พบว่าตั้งแต่วันที่ 1-3 ก.ค. 2561 เพียง 3 วัน สามารถตรวจสอบนายจ้าง/สถานประกอบการได้ 298 ราย พบกระทำความผิด 26 ราย แบ่งเป็น ดำเนินคดีในข้อหารับคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติมจำนวน 22 ราย และดำเนินคดีในความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 จำนวน 4 ราย ขณะเดียวกันได้ตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าว จำนวน 2,879 คน พบกระทำความผิดจำนวน 118 คน เป็นเมียนมา 94 คน ลาว 7 คน กัมพูชา 8 คน เวียดนาม 7 คน และอื่น ๆ อีก 2 คน
นายวินัย ทองอุบล จัดหางานจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า หลังหมดเขตผ่อนผันการขึ้นทะเบียน สำนักงานจัดหางานได้สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายปกครองและตำรวจออกตรวจสอบ จับกุม ในพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย แล้วหลายครั้ง โดยจะยังคงมาตรการการตรวจสอบ จับกุม อย่างเข้มข้นต่อไป ทั้งนี้ เป้าหมายต่อไปของปฏิบัติการตรวจสอบ-จับกุมจะเป็นพื้นที่ชายแดน อ.แม่สาย , เชียงแสน และ อ.เชียงของ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต้องเพิ่มความเข้มข้นในการมาตรการตรวจสอบ จับกุม มากขึ้น
ด้าน นายพิทูร ดำสาคร จัดหางานจังหวัดระนอง กล่าวว่า หลังหมดเขตการผ่อนผัน ถ้ามีการตรวจพบว่าเป็นแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตก็จะมีการจับกุมและผลักดันออกนอกประเทศทันที ส่วนมาตรการปราบปรามตามที่กระทรวงแรงงานกำหนดในช่วงแรก ตั้งแต่วันที่ 1-15 ก.ค. 2561 ชุดปฏิบัติการทั้งสิ้น 113 ทีมทั่วประเทศ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัด ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคงจังหวัด จะออกตรวจจับทั่วประเทศ เน้นกลุ่มที่ไม่มีใบอนุญาตก่อน พร้อมประสานทูต 3 ประเทศ เปิดศูนย์รับแรงงานผิดกฎหมายกลับประเทศตามแนวชายแดน อาทิ จ.ระนอง และตาก เป็นต้น โดยช่วงแรกจะเน้นตรวจเฉพาะใบอนุญาตและหลักฐานการทำงานในประเทศเท่านั้น ยังไม่มีการตรวจไปถึงประเภทงานที่ทำ
ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก:http://www.thansettakij.com/index.php/content/296303